การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในทวีปเอเชีย
พระพุทธศาสนาซึ่งได้อุบัติขึ้นในชมพูทวีป เมื่อ 2,500
กว่าปีมาแล้วได้เริ่มหลายไปสู่ดินแดนต่าง ๆ นับ
ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นต้นมา
แม้ว่าผู้นับถือพระพุทธศาสนาส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชียแต่ปัจจุบันได้ หลายไปทั่วโลก
ซึ่งพิสูจน์ให้สังคมทั่วโลกได้รู้ว่าหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าสามารถนำไปใช้ดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมีเหตุมีผล
ประเทศจีน
พระพุทธศาสนาได้เข้ามาในประเทศจีน เมื่อประมาณพุทธศักราช 608
ในสมัยพระจักรพรรดิเม่งเต้ แห่งราชวงศ์ฮั่น พระองค์ได้จัดส่งคณะทูต 18 คน
ไปสืบพระพุทธศาสนาในอินเดีย
พระสงฆ์จีนที่เดินทางไปสืบศาสนาที่อินเดียแล้วกลับมาปรับปรุงฟื้นฟูศาสนาในจีนที่มีชื่อเสียงคือ
พระถังซัมจั๋ง
ใน พ.ศ.2455 ประเทศจีนได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็นสาธารณรัฐจีน
รัฐบาลไม่ได้สนับสนุนในพระพุทธศาสนา แต่สนับสนุนแนวความคิดของลัทธิมาร์กซิสต์
ซึ่งลัทธิดังกล่าวได้โจมตีพระพุทธศาสนาตลอดมา
และมีการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระพุทธศาสนามากขึ้น
โดยเอาวัดไปใช้ในสถานที่ราชการอื่น ๆ สถานการณ์ของพระพุทธศาสนาจึงยังไม่ดีขึ้น
ใน พ.ศ. 2465 พระสงฆ์จีนรูปหนึ่งชื่อว่า พระอาจารย์ไท้สู
ได้ช่วยกู้ฐานะของพระพุทธศาสนาไว้บางส่วนคือ
ท่านได้ทำการปฏิรูปพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง เริ่มด้วยการตั้งวิทยาลัยสงฆ์ขึ้นที่
วูซัน เอ้หมึง เสฉวน และหลิ่งนาน
เพื่อฝึกผู้นำทางพระพุทธศาสนาให้มีความรู้ทางพระธรรมวินัยและวิชาการทางโลกสมัยใหม่
แล้วนำมาเผยแผ่เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ความพยายามของพระอาจารย์ไท้สู
ทำให้ประชาชนและรัฐบาลเข้าใจในพระพุทธศาสนาดีขึ้น
ทางราชการได้ออกคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์สินของวัดห้ามนำไปใช้ในกิจการอื่น
![](https://l3ankdatasocial.files.wordpress.com/2015/02/04075-sheli.jpg?w=665)
อ้างอิง :
https://panyadham.wordpress.com/2016/08/24/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/
ต่อมาเมื่อผู้นำการปกครองจีนคือ เหมา เจ๋อ ตุง ได้ถึงแก่อสัญกรรม ใน
พ.ศ. 2519
รัฐบาลชุดใหม่ของจีนคลายความเข้มงวดลงบ้างให้เสรีภาพการนับถือศาสนาของประชาชนมากขึ้น
ในปัจจุบัน มีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาลัทธิมหายานขึ้นใหม่
นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังให้การสนับสนุนจัดตั้งพุทธสมาคมแห่งประเทศจีน
และสภาการศึกษาพระพุทธศาสนาแห่งประเทศจีนขึ้นในกรุงปักกิ่งด้วย
เพื่อเป็นศูนย์กลางการติดต่อเผยแผ่พระพุทธศาสนากับประเทศต่างๆทั่วโลก
ปัจจุบันนี้ชาวจีนส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนาควบคู่ไปกับการนับถือลัทธิขงจื๊อ
และลัทธิเต๋า
พระพุทธศาสนาเริ่มเข้าสู่ประเทศเกาหลีเมื่อ พ.ศ. 915 โดยสมณทูตซุนเตา เดินทางจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอาณาจักรโคกูรยอ คือ ประเทศเกาหลีในปัจจุบัน พระพุทธศาสนาได้ขยายเข้ามาในเกาหลีอย่างรวดเร็ว
เพียงระยะเวลา 20 ปี ก็มีการสร้างวัดขึ้นมากมาย เฉพาะเมืองหลวงแห่งเดียว 9
วัด ประเทศเกาหลีในสมัยก่อนนั้นประกอบด้วย 3 อาณาจักรคือ โคกูรยอ แพ็กเจ และชิลลา แต่ผู้นำทั้ง 3 อาณาจักรก็นับถือพระพุทธศาสนา และให้การสนับสนุนกิจการต่าง
ๆ อันที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเสมอ
และที่สำคัญได้ทรงถือว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
เพราะคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ส่งเสริม และให้การศึกษาแก่ประชาชน
และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน
พร้อมทั้งสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชาติ
พระพุทธศาสนาจึงมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดมา
พระพุทธศาสนาในประเทศเกาหลีในปัจจุบัน
พระพุทธศาสนาในประเทศเกาหลีเหนือนั้นไม่สามารถที่จะรู้สถานการณ์ได้ เพราะประเทศเกาหลีเหนือปกครองด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งไม่สนับสนุนพระพุทธศาสนา ดังนั้นพระพุทธศาสนาจึงเจริญรุ่งเรืองในประเทศเกาหลีใต้มากกว่า แต่ในประเทศเกาหลีใต้มีการขัดแย้งระหว่างนิกายโชเก (นิกายถือพรหมจรรย์) และนิกายแทโก (นิกายไม่ถือพรหมจรรย์) แก่งแย่งวัดกัน ในช่วงนั้นกลุ่มมิชชันนารีจำนวนมากได้มาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในช่วงแรกมีแต่กลุ่มวัยรุ่น แต่ภายหลัง ไม่ว่าวัยรุ่นหรือวัยไหน ๆ ก็หันมานับถือศาสนาคริสต์กันขนานใหญ่ ศาสนาพุทธจึงตกต่ำลง จน นิกายโชกายต้องหาวิธีให้ชาวเกาหลีมองเห็นว่าพระพุทธศาสนามีความสำคัญก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ชาวเกาหลี มีทัศนคติที่ดี แก่พระพุทธศาสนา เนื่องจากพระสงฆ์มีการติดต่อกับชาวบ้านน้อยมาก ในการตีพิมพ์คัมภีร์สำคัญทางพระพุทธศาสนา ก็ต้องยืมคำของศาสนาคริสต์ คือ ไบเบิลของพระพุทธศาสนา แต่ปัจจุบันเริ่มมีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาบ้างแล้ว
ในปัจจุบันคณะสงฆ์ในประเทศเกาหลี
ถือว่าเป็นคณะสงฆ์ที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดปรับตัวให้ทันกับเหตุการณ์ต่าง
ๆ อยู่เสมอเพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนานั่นเอง
กิจการที่พระสงฆ์เกาหลีใต้สนใจ และทำกันอย่างเข้มแข็งจริงจังที่สุดคือ
การศึกษา ซึ่งเรื่องนี้เป็นการสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
ในด้านการศึกษานอกจากจะมีโรงเรียนพระปริยัติธรรมสำหรับสอนพระภิกษุ ภิกษุณี สามเณร และสามเณรี (สตรีที่จะบวชเป็นภิกษุณี) แล้ว คณะสงฆ์เกาหลีใต้ยังมีสถานศึกษาฝ่ายสามัญระดับต่าง
ๆ ที่เปิดรับนักเรียนชายหญิงโดยทั่วไปด้วย ซึ่งสถาบันเหล่านี้มีคฤหัสถ์
(บุคคลทั่วไป) เป็นผู้บริหาร
แต่อยู่ในความควบคุมดูแลของคณะกรรมาธิการฝ่ายการศึกษาของคณะสงฆ์
สถานศึกษาเหล่านี้แยกประเภทได้ดังนี้
- มหาวิทยาลัยและวิทยาลัย 3 แห่ง
- โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย 11 แห่ง
- โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น 16 แห่ง
- โรงเรียนประถมศึกษา 3 แห่ง
- โรงเรียนอนุบาล 7 แห่ง
มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดของเกาหลีคือ มหาวิทยาลัยทงกุก ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2449 ปัจจุบันมีนักศึกษาชายทั้งหมด 6,000 คน มีภิกษุสามเณรศึกษาอยู่ด้วยประมาณ 60 รูป ใน พ.ศ. 2507 คณะสงฆ์เกาหลีใต้ตั้งโครงการแปลและจัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับเกาหลีขึ้น เรียกว่า ศูนย์แปลพระไตรปิฎกเกาหลี ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยทงกุก ในประเทศเกาหลีใต้ (พ.ศ. 2526)
มีวัดลงทะเบียนจำนวน 3,163 วัด และไม่ลงทะเบียน 4,090 วัด มีภิกษุ 14,206
รูป และภิกษุณีจำนวน 6,549 รูป จำนวนนี้อาจรวมนิกายโชกาย และนิกายเล็กต่าง ๆ
ที่มาhttps://th.wikipedia.org/wiki/
ประเทศญี่ปุ่น
พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นโดยผ่านทางเกาหลีในหนังสือประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นได้บันทึกไว้ว่า ในรัชกาลพระเจ้ากิมเมจิจักรพรรดิองค์ที่ 29 พระพุทธศาสนาได้เข้าสู่ญี่ปุ่นโดยพระเจ้าเซมาโว แห่งเกาหลีส่งราชทูตไปยังราชสำนักพระเจ้ากิมเมจิพร้อมด้วยพระพุทธรูป ธง คัมภีร์พุทธธรรม แสดงพระราชประสงค์ที่จะขอให้พระเจ้ากิมเมจิรับนับถือพระพุทธศาสนา ทรงรับด้วยความพอพระทัยทั้งนี้เป็นการเริ่มต้นของพระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น แต่ภายหลังที่พระองค์สิ้นพระชนม์แล้วพระจักรพรรดิองค์ต่อ ๆ มาก็มิได้ใส่พระทัยในพระพุทธศาสนาเสื่อมลง จนถึงสมัยของจักรพรรดินีซุยโก ได้ทรงสถาปนาเจ้าชายโชโตกุเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พ.ศ. 1135 เจ้าชายพระองค์นี้ได้ทรงวางรากฐานการปกครองประเทศญี่ปุ่น พระพุทธศาสนาจึงได้เจริญรุ่งเรืองอย่างมั่นคงในญี่ปุ่น ประชาชนญี่ปุ่นต่างแข่งขันกันสร้างวัดในพระพุทธศาสนาและสำนักปฏิบัติธรรมเป็นอันมาก ยุคสมัยนี้ได้ชื่อว่ายุคโฮโก คือยุคที่สัทธรรมไพโรจน์ เจ้าชายโชโตกุได้ทรงประกาศธรรมนูญ 17 มาตรา ประกาศหลักสามัคคีธรรมของสังคม ด้วยการเคารพเชื่อถือพระรัตนตรัย เจ้าชายโกโตกุสิ้นพระชนม์ลง หลังจากนั้นมาพระพุทธศาสนาก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายนิกาย พระพุทธศาสนาก็ยิ่งเสื่อมลง เพราะนโยบายการปกครองประเทศบีบบังคับทางอ้อมจนถึงยุคเมอิจิ ลัทธิชินโตได้รับความนิยมนับถือแทนพระพุทธศาสนา ปัจจุบันชาวญี่ปุ่นนับถือพระพุทธศาสนาควบคู่ไปกับศาสนาชินโต พระพุทธศาสนาแบ่งออกเป็นหลายนิกายที่สำคัญมี 5 นิกาย คือ นิกายเทนได (เทียนไท้) นิกายชินงอน นิกายโจโด (สุขาวดี) นิกายเซน (ชยาน หรือ ฌาน) นิกายนิชิเรน
พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นโดยผ่านทางเกาหลีในหนังสือประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นได้บันทึกไว้ว่า ในรัชกาลพระเจ้ากิมเมจิจักรพรรดิองค์ที่ 29 พระพุทธศาสนาได้เข้าสู่ญี่ปุ่นโดยพระเจ้าเซมาโว แห่งเกาหลีส่งราชทูตไปยังราชสำนักพระเจ้ากิมเมจิพร้อมด้วยพระพุทธรูป ธง คัมภีร์พุทธธรรม แสดงพระราชประสงค์ที่จะขอให้พระเจ้ากิมเมจิรับนับถือพระพุทธศาสนา ทรงรับด้วยความพอพระทัยทั้งนี้เป็นการเริ่มต้นของพระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น แต่ภายหลังที่พระองค์สิ้นพระชนม์แล้วพระจักรพรรดิองค์ต่อ ๆ มาก็มิได้ใส่พระทัยในพระพุทธศาสนาเสื่อมลง จนถึงสมัยของจักรพรรดินีซุยโก ได้ทรงสถาปนาเจ้าชายโชโตกุเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พ.ศ. 1135 เจ้าชายพระองค์นี้ได้ทรงวางรากฐานการปกครองประเทศญี่ปุ่น พระพุทธศาสนาจึงได้เจริญรุ่งเรืองอย่างมั่นคงในญี่ปุ่น ประชาชนญี่ปุ่นต่างแข่งขันกันสร้างวัดในพระพุทธศาสนาและสำนักปฏิบัติธรรมเป็นอันมาก ยุคสมัยนี้ได้ชื่อว่ายุคโฮโก คือยุคที่สัทธรรมไพโรจน์ เจ้าชายโชโตกุได้ทรงประกาศธรรมนูญ 17 มาตรา ประกาศหลักสามัคคีธรรมของสังคม ด้วยการเคารพเชื่อถือพระรัตนตรัย เจ้าชายโกโตกุสิ้นพระชนม์ลง หลังจากนั้นมาพระพุทธศาสนาก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายนิกาย พระพุทธศาสนาก็ยิ่งเสื่อมลง เพราะนโยบายการปกครองประเทศบีบบังคับทางอ้อมจนถึงยุคเมอิจิ ลัทธิชินโตได้รับความนิยมนับถือแทนพระพุทธศาสนา ปัจจุบันชาวญี่ปุ่นนับถือพระพุทธศาสนาควบคู่ไปกับศาสนาชินโต พระพุทธศาสนาแบ่งออกเป็นหลายนิกายที่สำคัญมี 5 นิกาย คือ นิกายเทนได (เทียนไท้) นิกายชินงอน นิกายโจโด (สุขาวดี) นิกายเซน (ชยาน หรือ ฌาน) นิกายนิชิเรน
ประเทศเนปาล
พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศเนปาลทางประเทศอินเดีย
แต่เดิมนั้นประเทศเนปาลเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินเดีย
สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าคือสวนลุมพินีอยู่ในเขตประเทศเนปาลปัจจุบันในสมัยพุทธกาลภาย
หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระอานนท์ไปเผยแผ่พระศาสนาในบริเวณนั้น
ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงสร้างวัดและเจดีย์หลายแห่งซึ่งคงปรากฏอยู่ที่นครกาฐมาณฑุในปัจจุบันต่อมาในสมัยที่ชาวมุสลิมเข้ารุกรานแคว้นพิหาร และเบงกอล ในประเทศอินเดีย พระภิกษุจากอินเดียต้องหลบหนีภัยเข้าไปอาศัยอยู่ในเนปาล ซึ่งพระภิกษุเหล่านั้นได้นำคัมภีร์อันมีค่าไปด้วยและมีการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีจนถึงทุกวันนี้ และเมื่อมหาวิทยาลัยนาลันทา(อินเดีย) ถูกทำลายทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมสูญไปจากอินเดีย ส่งผลให้พระ พุทธศาสนาในเนปาลเสื่อมลงด้วย คุณลักษณะพิเศษที่เป็นเครื่องหมายประจำพระพุทธศาสนา เช่น ชีวิตพระสงฆ์ในวัด การต่อต้านการถือวรรณะ การปลดเปลื้องความเชื่อถือไสยศาสตร์ต่าง ๆ เป็นต้น ก็เลือนหายไป
พระพุทธศาสนาในเนปาลยุคแรกเป็นพระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมหรือแบบเถรวาท
ต่อมาเถรวาทเสื่อมสูญไปเนปาลกลายเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนามหายานนิกายตันตระซึ่งใช้คาถาอาคมและพิธีกรรมแบบไสยศาสตร์
นอกจากนี้มีนิกายพุทธปรัชญาสำนักใหญ่ ๆ เกิดขึ้นอีก 4 นิกาย คือ สวาภาวิภะ ไอศวริกะ
การมิกะ และยาตริกะ แต่ละนิกายก็ยังแยกเป็นสาขา
ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงสร้างวัดและเจดีย์หลายแห่งซึ่งคงปรากฏอยู่ที่นครกาฐมาณฑุในปัจจุบันต่อมาในสมัยที่ชาวมุสลิมเข้ารุกรานแคว้นพิหาร และเบงกอล ในประเทศอินเดีย พระภิกษุจากอินเดียต้องหลบหนีภัยเข้าไปอาศัยอยู่ในเนปาล ซึ่งพระภิกษุเหล่านั้นได้นำคัมภีร์อันมีค่าไปด้วยและมีการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีจนถึงทุกวันนี้ และเมื่อมหาวิทยาลัยนาลันทา(อินเดีย) ถูกทำลายทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมสูญไปจากอินเดีย ส่งผลให้พระ พุทธศาสนาในเนปาลเสื่อมลงด้วย คุณลักษณะพิเศษที่เป็นเครื่องหมายประจำพระพุทธศาสนา เช่น ชีวิตพระสงฆ์ในวัด การต่อต้านการถือวรรณะ การปลดเปลื้องความเชื่อถือไสยศาสตร์ต่าง ๆ เป็นต้น ก็เลือนหายไป
![ใครทำให้พระพุทธศาสนาหายไปจากเนปาล](https://img.winnews.tv/files/site/08ccd93cbb076ad42c8d256a0e811a90.jpg)
พระพุทธศาสนาเนปาลในปัจจุบัน ได้มีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทขึ้น
โดยส่งภิกษุสามเณรไปศึกษาในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท เช่น ไทย พม่า
ศรีลังกา โดยเฉพาะในประเทศไทย ภิกษุสามเณรชาวเนปาล
ได้บรรพชาและอุปสมบทแบบเถรวาทได้มาศึกษาปริยัติธรรม และศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ 2
แห่ง คือ มหามกุฏราชวิทยาลัย และมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
นอกจากนี้คณะสงฆ์เนปาลได้กราบทูลเชิญเสด็จสมเด็จพระญาณสังวร(สมเด็จพระสังฆราช)
ให้บรรพชาอุปสมบทแก่กุลบุตรชาวเนปาล ณ กรุงกาฐมาณฑุ
พร้อมทั้งทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดชาวเนปาล
![การเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปประเทศต่างๆ](https://krupairost.com/stdjob2561/m3-6/g2/456.jpg)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น